มาเลเซีย ที่นี่ เอเชีย : Malaysia Truly Asia |
เซอลามัท ดาตาง หมายความว่า "ขอต้อนรับ"
สัมผัสเอเชีย ....ที่นี่มาเลเซีย เป็นแหล่งรวมของวัฒนธรรมอันหลากหลาย ทั้งมาเลย์ จีน อินเดีย และ ไทย รวมทั้งอีกหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวคุณ จะได้สัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจ เพลิดเพลินไปกับทุกแง่มุมและทุกรสชาติของความ เป็นเอเชีย ณ ที่นี่ที่เดียว คุณจะได้สัมผัสกับไออุ่นของชนชาติมาเลเซียต้องที่นี่มาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย หรือ เรียกชื่อทางการว่า สหพันธ์รัฐมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ประเทศส่วนหนึ่งอยู่บนแหลมมาลายู และ พื้นที่อีกส่วนหนึ่งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย มีพรมแดนประเทศตอดกับประเทศอินโดนีเซียและทางทะเลติดกับทะเลจีนใต้ทางตอนใต้ของเวียดนามทางทิศเหนือจดกับประเทศไทย |
อาณาเขต |
329,758 ตารางกิโลเมตร |
พลเมืองของมาเลเซีย |
25 ล้านคน |
เมืองหลวง |
กรุงกัวลาลัมเปอร์ |
ประชากร |
ชาวมาเลย์ซึ่งมีจำนวน 57 % ของพลเมืองทั้งหมดเป็นชนกลุ่มใหญ่รองลงมาเป็นชาวจีน อินเดียและชนชาวพื้นเมืองอื่นๆ |
ภาษา |
ภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติแต่ภาษาอังกฤษใช้พูดกันอย่างแพร่หลาย มีชาวพื้นเมืองบางกลุ่มพูดภาษาประจำเผ่าพันธุ์ของตน |
ศาสนา |
อิสลามเป็นศาสนา ทางราชการ แต่ผู้ที่นับถือศาสนาอื่น สามารถปฏิบัติตามศาสนาที่ตนนับถือได้อย่างเสรี |
รัฐบาล |
ใช้ระบบรัฐสภาประชาธิปไตยประกอบด้วยองค์นิติบัญญัติ ประมุขของประเทศ คือ “ พระราชาธิบดี ” และ หัวหน้ารัฐบาลคือ “ นายกรัฐมนตรี” |
บรรยากาศทั่วไป |
อากาศเมืองร้อนอบอุ่นและชื้นตลอดปี อุณหภูมิอยู่ในระหว่าง 21-32 องศา จำนวนฝนตกประจำปีอยู่ในระหว่าง 2000-2500 |
ประวัติศาสตร์มาเลเซีย |
ปรากฏความสัมพันธ์อย่างแน่นเฟ้นระหว่างหลายชนเผ่าพันธุ์และหลายวัฒนธรรมของประเทศนอกจากชาวมาเลย์และ กลุ่มชนพื้นเมืองแล้ว ยังมีผู้อพยพมาจากจีน อินเดีย อินโดนีเซียและส่วนอื่นของโลก ซึ่งรวมเข้าเป็นพลเมืองของมาเลเซีย ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่าง น่าสนใจ อาจเนื่องมาจากการติดต่อสัมพันธ์นานปี กับภายนอกและการปกครองโดย ชาวโปรตุเกส ดัทช์ และ อังกฤษ ผลที่เกิดตามมาคือการวิวัฒน์ของประเทศจนเปลี่ยนรูปของวัฒนธรรมดังจะได้เห็นการผสมผสานได้อย่างวิเศษของ ศาสนา กิจกรรมทางสังคมและวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีการแต่งกาย ภาษาและอาหาร ประเทศมาเลเซียได้รับเอกราชคืนจากอังกฤษมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี ค.ศ.1957เป็นสหพันธ์มาเลเซีย ต่อมาเมื่อรวมรัฐซาบาห์ และ รัฐซาราวัดเข้าด้วยแล้ว ประเทศมาเลเซียจึงได้ถือกำเนิดขึ้น |
|
การเตรียมตัวไปประเทศมาเลเซีย :โดยปกติแล้ว คนไทยเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย สามารถอยู่ในมาเลเซียได้นาน 1 เดือน โดยไม่ต้องขอวีซ่าแต่หากอยู่นานกว่านั้น ต้องมีวีซ่าสามารถติดต่อขอรับวิซ่า ได้ที่ สถานฑูตเอกอัครฑูต มาเลเซีย ประจำประเทศไทย ชั้น 1 อาคารสาทรการ์เด้น เลขที่ 33-35 ถนน สาธรใต้ กรุงเทพฯ 10120โทร 02-679-2190-9 โทรสาร 02-679-2208แผนกวีซ่า เปิดทำการ วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08.30-10.30 น.โทร 02-679-2270 |
การเดินทางโดยทางอากาศ : มาเลเซียมีสนามบินนานาชาติอยู่ถึง 5 แห่งด้วยกัน มีกรุงกัวลาลัมเปอร์ ปีนัง ลังกาวี โกตาคินนาบาลู และ กูชิงส่วนสนามบินในประเทศ มีอยู่ 14 แห่ง ทั่วประเทศ |
แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศมาเลเซีย : |
กัวลาลัมเปอร์ Kuala Lumpur
กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นเมืองหลวงของสหพันธ์รัฐมาเลเซีย มีประชากรประมาณ 2 ล้านคนเศษ ชาวมาเลย์ โดยปกติแล้วจะเรียกชื่อเมืองหลวงว่า เคแอล ประชากรประกอบด้วยชาวมาเลย์ ชาวจีน ชาวอินเดียและ ชาวยุโรปที่มีรากฐานวัฒนธรรมแตกต่างกัน แต่ก็อยู่รวมกันได้อย่างผสมผสานกลมกลืน ในเมืองหลวงของมาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์มิได้เป็นแค่ "สวนสวรรค์แห่งแสงสี " (Garden City of Lights) กัวลาลัมเปอร์ยังมีอีกชื่อ หนึ่งว่าเป็น "สวรรค์ของนักช็อปปิ้ง " อีกด้วยในศูนย์การค้าทันสมัยที่มีอยู่ทั่วเมือง ล้วนมีสินค้าคุณภาพยี่ห้อดังฯ ประเภทแบรนด์เนม ขายอยู่มากมาย ในราคาที่แข่งขันกันชนิดที่นักช็อปมีแต่ได้กับได้ |
หอสูงฝาแฝดเปโทรนัส
ซึ่งเป็นอาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลก ตึกสูงถึง88ชั้น เป็นอาคารสำนักงาน และ เป็นแหล่ง ช็อปปิ้ง ที่สำคัญของกรุงกัวลาลัมเปอร์ รวมทั้งเป็นศูนย์รวมของการแสดงศิลปะ และ การแสดง เคแอลทาวเวอร์ หรือ หอโทรคมนาคม มีความสูงถึง 421 เมตร สูงเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นอันดับ 4 ของโลก บนชั้น TH01 หรือ Tower Head เป็นจุดชมวิวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชมวิวในมุมสูง |
อาคารสุลต่านอับดุลซามัค (Sultan Abdul Samad Building) และ หอนาฬิกา สูง 40 เมตร อาคารเก่าแถบ Merdeka Square สถาปัตยกรรม แบบ มัวร์ (Moorish)ส่วนที่เป็นหอนาฬิกาสูง 40 เมตรที่เรียกกันว่าเป็นบิ๊กเบนของมาเลเซีย ด้านบนเป็นโดมใหญ่สีทองขนาดใหญ่ และขนาบข้างด้วยอาคารยอดโดมสีทองเช่นกัน อาคารนี้สร้างเมื่อเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เพื่อใช้เป็นศูนย์บริหาร อาณานิคมของอังกฤษ ปัจจุบันใช้อาคารที่ทำการของรัฐบาล |
Merdeka Square
จุดเด่นคือเสาธงสูงเกือบร้อยเมตร เป็นสัญลักษณ์ของจัตุรัสเมอเดอก้าแห่งนี้เสาธงนี้ได้ ชื่อว่าเป็นเสาธงที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประวัติศาสตร์ ที่พึงจำและชาวมาเลเซียภาคภูมิใจมากคือที่นี่ เพราะเป็นสถานที่ที่ธงยูเนี่ยนแจ็ก (Union Jack) ของอังกฤษ ถูก ลดลงจากเสาและธงชาติมาเลเซียถูกเชิญขึ้นเสาเป็นครั้งแรก |
Batu Cave ถ้ำบาตูเคฟเป็น ถ้ำ และ วัดที่มีชื่อเสียงมกาที่สุด และ เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไป ถ้ำบาตู นี้อยู่ไม่ห่างไกลจาก ตัวเมืองกรุงกัวลาลัมเปอร์มากซะเท่าไร อยู่ทางเหนือ ประมาณ 13 กิโลเมตร ในถ้ำนี้เป็นที่บูชาของศาสนาฮินดูตั้งอยู่ ตรงบนสุดของบันไดขึ้น ไปยังถ้ำ 272 ชั้น มีถ้ำเล็กๆอยู่เชิงเขา ทุกๆเช้าชาวกัวลาลัมเปอร์ที่นับถือ ศาสนาฮินดู จะม า ทำพิธีกรรม ตามความเชื่อ และ ความนับถือ เป็นจำนวนมากเช่นกัน |
Central Market เป็นศูนย์กลางความเจริญในด้านศิลปะและวัฒนธรรมของมาเลเซียที่มีการสาธิตการทำผ้าบาติก การวาดภาพเหมือน การเป่าแก้ว โรงเรียนสอนการเต้นรำแบบพื้นเมืองและ มีดนตรีพื้นเมืองให้ชม |
ปุตราจายา Putrajaya เมืองปุตราจายา เป็นเขตการปกครองพิเศษ ออกแบบและสร้างขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลาง ทางการเมือง และ การปกครองแห่งใหม่ หรือ เมืองใหม่ แห่ง สหพันธรัฐมาเลเซีย โดยชื่อ " ปุตราจายา" นี้ตั้งขึ้นตามชื่อนายกรัฐมนตรีคนแรก ของมาเลเซีย ตวนกูลอับดุล รามัน ปุตรา อัลฮัจ ปุตราจายาอยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ 25 กิโลเมตร ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างให้เป็นเมืองแห่งอนาคตปุตรา จึงได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี และ ให้มีความสวยงามในแง่ของทัศนียภาพจนเป็นอีกเมืองที่เหมาะสมแก่การไปเที่ยวชม ที่นี่เป็นอีกเมืองที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวชม และ เพลิดเพลินกับ ศิลปวัฒนธรรมและ สถาปัตยกรรม ทั้งสมัยเก่า และ สมัยใหม่รวมถึงแหล่งช็อปปิ้งที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง |
Dutran Putra (Putra Square)
ลานที่มีใจกลางเป็นรูปดวงดาว เส้นผ่าศูนย์กลาง 300 เมตร ตกแต่งบริเวณ อย่างสวยงามด้วยน้ำและแสงไฟ สมัยเมืองครั้งมี 11 รัฐ ชั้นกลางเป็นดาว 13 แฉก หมายถึงสมัยเมื่อครั้งสมัยเมื่อครั้งมี 11 รัฐ ชั้นกลางเป็นดาว 13 แฉก หมายถึงมาเลเซียในปัจจุบันซึ่งมี 13 รัฐและ ชั้นในสุด ดาว 14 แฉก หมายถึงรัฐทั้ง 13 รัฐ รวมไปถึงเขต ปกครองพิเศษ กรุงกัวลาลัมเปอร์ปุตราจายา และ เกาะลาบวน |
Seri Perdana
อีกสถานที่ที่ไม่ควนพลาดเมื่อไปเยี่ยมชมเมืองปุตราจายา เป็นอาคารที่พำนักสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตัวอาคารที่พำนักผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบโมกุลแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนต้อนรับ ส่วนที่พัก และ การแสดง เปิดเข้าชมตั้งแต่เวลา09.00-12.30 น. และ 14.00-17.00 น. วันจันทร์ปิดทำการ |
MasjidPutra
มัสยิด สีชมพู สัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองปุตราจายา ตั้งยื่นออกมาบนชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาบปุตราจาย นอกจากเห็นเหมือน มัสยิดลอยอยู่กลางน้ำ นอกจากพื้นที่สวดมนต์ที่สามารถจุดได้ถึง 15,000 คน แล้วยังมีห้องสมุด แกลแลอรี่ และ พิพิธภัณฑ์ เปิดให้ชมตั้งแต่ 09.00-17.00 น. |
เกาะลังกาวี Langkawi Island
เกาะลังกาวี ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเมืองร้อนจำนวน 104 เกาะ ซึ่ง 36 เกาะจะเป็นเกาะหินอ่อนเกือบทั้งสิ้น ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งทะเลตะวันตกเฉียงเหนือ ของคาบสมุทร มาเลเซีย ห่างจากเมืองกัวลาเปอร์ลิสประมาณ 30 กิโลเมตร และเมืองกัวลาเคดะห์ 51 กิโลเมตร เกาะใหญ่ รู้จักทั่วกันในชื่อว่า เกาะลังกาวี เกาะนี้เต็มไปด้วยนิยายปรัมปราสมัยโบราณที่เล่าลือสืบต่อกันมามีทั้งผีสิงและ นกยักษ์ นักรบผู้กล้าหาญและ นางฟ้าที่สวยงามและยัง รวมทั้งการสู้รบและความรักน่าจับใจในฐานะที่เกาะลังกาวีเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ตามธรรมชาติ จึงหาที่ใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเทียบเท่ามิได้เลย จากภูมิศาสตร์ย้อนหลัง 500 ล้านปี ตัวเกาะประกอบด้วยหินชนิดพิเศษที่กระตุ้นความนึกคิดและ สร้างความพิศวงงงงวย ให้แก่ผู้ได้พบเห็นถ้ำที่มีอยู่มากมายด้วยหินปูน บ้างก็ห้อยย้อยลงมาจากเพดานถ้ำและที่งอกขึ้นจากพื้นถ้ำก็มีอยู่มากมาย น่าชมอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความอยากรู้ถึงความลึกลับที่ต่อเนื่องมาแต่สมัยโบราณ ชายหาดสวยงามที่เอื้อเฟื้อการพักผ่อนหย่อนอารมณ์ น้ำสะอาดสีเขียวมรกตรอบๆเกาะ เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำและกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน บันเทิงใจ โลกสัตว์น้ำที่สวยตระการที่อยู่ใต้เกาะต่างๆของเกาะลังกาวีกำลังควักเรียกท่านผู้นิยมการประดาน้ำอยู่เวลานี้ |
เมืองกัวห์ เป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลังกาวี เป็นทางเข้าสู่เกาะ โดยเรือ เฟอร์รี่ ชื่อของเมือง กัวห์ เป็นภาษามาเลย์ มีความหมายว่า "น้ำแกง" มีนิยายปรัมปราเกี่ยวกับความเป็นมาของน้ำแกงว่า ยักษ์สองตัวต่อสู้กันจนทำให้หม้อแกงขนาดยักษ์คว่ำลงตรงจุดที่ขณะนี้เป็นที่ตั้งของเมืองซึ่งสมัยหนึ่งเป็นเมืองโบราณที่มีถนนเพียง 2-3 สาย เท่านั้นแต่ในวันนี้ เมือง กัวห์ เป็นศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยโรงแรมทันสมัย และ อาคารตึกที่เป็นศูนย์การค้ากับธุรกิจผสมกัน แต่ไม่แน่นขนัดจนเกินไปดังเช่นเมืองที่ทันสมัยอื่นๆเมืองกัวห์เป็นเมืองปลอดภาษี จึงเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ลือชื่อเพราะมีสินค้าไว้เสนอท่านอย่างมากมายและพลเมืองมีหลายเชื้อชาติ จึงมีอาหารนานาชนิดโดยเฉพาะอาหารทะเลสดให้ท่านได้ลิ้มชิมรสอย่างเต็มที่ล้านปี ตัวเกาะประกอบด้วยหินชนิดพิเศษที่กระตุ้นความนึกคิดและ สร้างความพิศวงงงงวย ให้แก่ผู้ได้พบเห็นถ้ำที่มีอยู่มากมายด้วยหินปูน บ้างก็ห้อยย้อยลงมาจากเพดานถ้ำและที่งอกขึ้นจากพื้นถ้ำก็มีอยู่มากมาย น่าชมอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความอยากรู้ถึงความลึกลับที่ต่อเนื่องมาแต่สมัยโบราณ ชายหาดสวยงามที่เอื้อเฟื้อการพักผ่อนหย่อนอารมณ์ น้ำสะอาดสีเขียวมรกตรอบๆเกาะ เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำและกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน บันเทิงใจ โลกสัตว์น้ำที่สวยตระการที่อยู่ใต้เกาะต่างๆของเกาะลังกาวีกำลังควักเรียกท่านผู้นิยมการประดาน้ำอยู่เวลานี้ |
ตามันลาเจนด้า
อุทยาน ที่สวยงามแห่งนี้เป็นสวนดอกไม้และต้นไม้พื้นเมืองนานาชนิด และ แหล่งรวมตำนานนิยายของเกาะลังกาวี ที่ช่วยเพิ่มความงามแก่ทิวทัศน์ และ กลายเป็นฉากเบื้องหลัง ท่านอาจเดินผ่านเข้าอุโมงค์ต้นไม้ ยาว 15 เมตรที่มีถังตั้งเรียงรายให้ชม และรวมทั้งสวนใต้น้ำซึ่งประกอบด้วยต้นสาหร่าย ต้นไม้ทะเลและปลานานาชนิด และ เปลือกหอยลักษณะต่างๆที่น่าชม และ น่าสนใจยิ่ง รวมทั้งมีรูปปั้นตามตำนานนิยายเรื่องราวเกี่ยวกับลังกาวี เป็นส่วนใหญ่ที่สวยงามมากผสมกลมกลืนระหว่างรูปปั้นกับแมกไม้ที่เข้ากันอย่างลงตัว |
ลามันปาดีลังกาวี
แหล่งท่องเที่ยว ล่าสุดของลังกาวี นักท่องเที่ยวผู้รักการเกษตรกรรมไม่ควรพลาด ลามัน ปาดี ลังกาวีอยู่ที่ปันไตเซนัง ใกล้รีสอร์ท ริมหาดที่เลื่องชื่อของเกาะและเพียง 10 นาที จากสนามบิน ลามัน ปาดี ลังกาวีเป็นศูนย์ประวัติศาสตร์มรดกตกทอด และ การวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมการปลูกข้าวของประเทศในบรรดาสิ่งดึงดูดใจของที่นี่ก็มีพิพิธภัณฑ์ข้าวที่แสดงสิ่งประดิษฐ์แผนผัง และ รูปภาพที่แสดงถึงความสำคัญของการเพาะปลูกข้าวมีต่อประเทศ ผู้เข้าเยี่ยมชมจะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพ ตระการตาของทุ่งข้าวที่เขียวขจีจากจุดชมวิวบนยอดหลังคาและลองฝีมือการเพาะปลูกต้นข้าวโดยใช้วิธีดั้งเดิมผสมกับวิธีสมัยใหม่ มีภัตตาคารที่จัดอาหารมีชื่อแบบมาเลย์ และ อาหารพื้นเมืองที่ใช้ข้าวเป็นเครื่องปรุงสำคัญ |
พระราชวังพักร้อนลังกาวี
ตั้งอยู่ท่ามกลางพืชพันธุ์ไม้เขียวชอุ่มของปันไตโก๊ก พระราชวังพักร้อนลังกาวีเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ ล่าสุดของเกาะลังกาวี สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2542 โดยบริษัทสร้างภาพยนตร์ ทเว็นตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ ซึ่งมูลค่าการสร้างแพงมาก เพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง " แอนนาและพระเจ้ากรุงสยาม" การก่อสร้างโดยใช้ไม้ท่อนในท้องถิ่นเกือบทั้งหมดจากช่างฝีมือชาวมาเลเซีย และ ชาวต่างชาติ พระราชวังพักร้อนลังกาวีนี้ ได้เลียนแบบจากพระราชวังโบราณของไทย มีบริเวณพื้นที่ 675 ตารางเมตรและ ความสูง 16.6 เมตรส่วนหนึ่งของบริเวณที่ใช้เป็นฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ทำการสร้างเป็นภัตตาคาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึกและพลับพลาเพิ่มเติมมากขึ้น |
โลกใต้น้ำที่ลังกาวี Langkawi Under Water World
เป็นสถานที่ แสดงถึงสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ มีทั้งปลาน้ำจืด และ ปลาทะเลที่หาชมได้ยาก ในปัจจุบัน จึงเป็นแหล่งดึงดูดใจของเกาะลังกาวี ตั้งอยู่ที่ชายหาดปันได เซอนัง สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่แสดงไว้มีมากกว่า 5000 ชนิด แสดงไว้ในถังกระจกมากกว่า 100 ถัง ซึ่งมีขนาดต่างๆกัน รวมทั้งถังขนาดยักษ์ที่มีสัตว์น้ำชนิดใหญ่ อาทิเช่นปลาฉลาม ปลากระเบนธง ปลากะรังและ เต่าตะนุเขียว และ อื่นๆอีกมากมาย ท่านอาจเดินผ่านเข้าอุโมงค์ยาว15เมตรที่มีถังตั้งเรียงรายให้ชมและรวมทั้งสวนใต้น้ำซึ่งประกอบด้วยต้นสาหร่าย ต้นไม้ทะเล และ ปลานานาชนิดและ เปลือกหอยลักษณะต่างๆ ที่น่าชมและสนใจยิ่ง และ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ท่านจะได้ชมความน่ารักของเหล่านกเพนกวินที่จะให้ท่านได้ยลโฉมกันในไม่ช้านี้ |
อุทยานสวนนกกลางแจ้ง Langkawi Bird Paradise
หนึ่งในสวนนกที่ใหญ่ที่สุด และ น่าประทับใจมากที่สุดของมาเลเซีย ซึ่งท่านสามารถชมนกหลากชนิดมากกว่า1000 ชนิดไม่ว่าเป็นพันธุ์ที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย และ ต่างประเทศ ที่ยากจะหาชมได้ในปัจจุบันที่แสดงไว้อย่างน่าพิศวงไม่ว่า เป็นนกอินทรีย์ทอง นกแก้วมาร์คอล์ นกฟลามิงโก้ และ อีกหลายชนิด ด้วยทางเดินที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด คุณสามารถถ่ายรูปกับนกแก้วมาร์คอล์ เหยี่ยวแสนรู้ |
หมู่บ้านโอเรียนเต็ล
จากหมู่บ้านนี้ ท่านจะมองเห็นทัศนียภาพ อันสวยงามของบูเรา เบย์ ในลังกาวี หมู่บ้าน โอเรียลเต็ลเป็นแหล่งช็อปปิ้งและวัฒนธรรมและ โภชนาการอาหารที่ใหม่สุดและพิเศษสุดของส่วนภูมิภาคได้ออกแบบสร้างเป็นพิเศษเพื่อให้ความคิดใหม่ในการเป็นสถานที่ช็อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี หมู่บ้านโอเรียลเต็ลเป็นสถานที่ตั้งของภัตตาคารชั้นดีหลายแห่งซึ่งล้วนแต่บริการอาหารโอชารสของเอเชีย ผลิตภัณฑ์ที่นำมาเสนอขายนั้นมีจำนวนมากว่า 17,000 ชนิดและ สินค้าที่มีชื่อเสียงอีกมากกว่า 470 ชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานด้านการผลิตของนักออกแบบนานาชาติและในประเทศ การตกแต่งร้านค้าที่แสดงออกถึงวัฒนธรรม และ แฟชั่น เครื่องหัตถกรรมที่มีการแกะสลักลวดลายสวยงามและแปลกตาที่นำมาแสดงให้ดูโดยช่างที่มีฝีมือ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดความสนุกสนานในการช็อปปิ้งมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้ สถานที่พักอันสะดวกสบายมีส่วนทำให้หมู่บ้าน ซึ่งมีการแสดงวัฒนธรรมและ ละครช่วยเพิ่มพูนเสน่ห์ของตะวันออกที่ล้อมกรอบหมู่บ้านโดยการผสมผสาน ประเพณีโบราณกับสมัยใหม่รวมทั้งวัฒนธรรมพื้นเมืองจะเป็นประสบการณ์ที่วิเศษสุดสำหรับนักท่องเที่ยว นอกเหนือจากภัตตาคารชั้นเยี่ยมแล้ว ยังมี ฟู๊ดคอร์ดที่ออกแบบเป็นพิเศษไว้คอยบริการจำหน่ายอาหารพื้นเมืองนานาชนิด เดอะอินน์ และ คลับบาร์ ซึ่งเปิดเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการหยุดพัก เพื่อดื่มดับความกระหายน้ำระหว่างทาง |
ลังกาวีเคเบิ้ลคาร์หรือกระเช้าลอยฟ้า
เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของเกาะลังกาวี จากจุด หมู่บ้าน โอเรียลเต็ลวิลเลจศูนย์จำหน่ายสินค้า พื้นเมือง จะจะนำนักท่องเที่ยวมุ่งสู่ยอดเขา "กูนุง มะจิงจั้ง" ภูเขาทางด้านตะวันตก เฉียงใต้ของเกาะลังกาวี เพื่อไปชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลอันดามัน และ หมู่เกาะน้อยใหญ่ของไทย และ มาเลเซียลังกาวีเคเบิ้ลคาร์ หรือ กระเช้าลอยฟ้า ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ยิ่งใหญ่ตะการตา และ ถือว่าใหญ่และสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ว่าได้ |
น้ำตกเตอลาก้าตูโจ๊ะ
ตั้งอยู่ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลังกาวี น้ำตกเตอลาก้า ตูโจ๊ะ (เจ็ดบ่อ) เป็นสิ่งน่าประหลาดทางภูมิศาสตร์เพราะเป็นน้ำตกที่สวยงามสมชื่อ สายน้ำไหลตกลงมาต้องผ่านสระน้ำ ธรรมชาติ 7 แห่ง ป่าไม้เขียวชอุ่มรอบๆน้ำตกกลับเพิ่มความลึกลับให้กับความยิ่งใหญ่ตามธรรมชาตินิยายโบราณมีว่า เหล่านางฟ้าเคยมาอาบน้ำกันที่นี่และ เล่นหัวกันอย่างสำราญที่น้ำตกแห่งนี้ |
ิตามัน บัวยาลังกาวี ฟาร์มจระเข้
ตั้งอยุ่ที่กูบัง บาแด๊ก ซึ่งห่างจากเมืองกัวห์ประมาณ 32 กิโลเมตร มีจระเข้ชนิดต่างๆมากกว่า1000 ตัวท่านอาจถ่ายภาพบันทึกชีวิตความเป็นอยู่ของจระเข้และจระเข้ตีนเป็ดในสภาพแวดล้อมภายใต้การควบคุมที่คล้ายคลึงกับสภาพตามธรรมชาติ |
อาคารหัตถกรรมทางวัฒนธรรม
ตั้งอยู่แถบฝั่งทะเลทางภาพเหนือของเกาะลังกาวีในเขตเตอลัก ยู ห่างจากสนามบินโดยทางรถยนต์ประมาณ 30 นาที หรือ เมืองกัวห์ประมาณ 45 นาที ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองลงไปแลเห็นทะเล อาคารที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองลงไปแลอย่างกว้างขวาง อาทิเช่นผ้าบาติกที่พิมพ์ด้วยมืออย่างปราณีตบรรจง เครื่องเงินที่ผ่าน การสลักลวดลายอย่างงดงาม |
ชายหาดตันหยงรู
ตั้งอยู่บนแหลมทางตอนเหนือของเกาะลังกาวี มีชื่อเหมาะสมมากเพราะมีต้นสนอยู่ทั่วเกาะลังกาวี มีชื่อเหมาะสมมากเพราะมีต้นสนอยู่ทั่วเกาะ และ ชายหาดสวยงามสะอาดมาก ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ตระการตาในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งอาจเดินถึงได้เมื่อระดับน้ำลดต่ำลง จึงนับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ถ้าเดินทางโดยทางเรือเป็นระยะสั้นๆ จากที่นี่ก็จะนำท่านไปสู่ปากประตูถ้ำเชอริต้า (ถ้ำแห่งนิยายซึ่งสมตามชื่อคือเป็นถ้ำที่เต็มไปด้วยนิยายลึกลับและความรักอันหวานชื่น ตามกำแพงถ้ำจะเห็นตัวอักษรโบราณที่ยังไม่มีการแปลอย่างชัดเจน จึงได้กล่าวได้ว่ามีนิยายมากมายเกี่ยวกับถ้ำนี้ |
สุไหงคีลิม
สำหรับการผจญภัยโดยเฉพาะ ลังกาวีเป็นสถานที่มีสิ่งที่จะได้พบเห็นอย่างแท้จริง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ การเดินทางอันแปลกใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระทึกใจ ผู้ที่นิยมการเสี่ยงภัยโดยการล่องเรือไปยังวนอุทยานคีลิม เสมือนทางออกไปยังอีกโลกหนึ่งวนอุทยานคีลิม มีพื้นที่กว่า 100 ตารางกิโลเมตรอุดมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติ ที่งดงามผสมผสานกับทัศนียภาพของต้นป่าไม้โกงกางอันเขียวชอุ่มเป็นธรรมชาติที่แลดูแปลกออกไปจากหาดทรายสีขาว และ ทะเลสาบสีน้ำเงินตลอดระยะทางที่ล่องไปตามแนวแม่น้ำอันเงียบสงบท่านจะต้องตื่นตะลึงไปกับสภาพแวดล้อมอันเป็นธรรมชาติระบบนิเวศวิทยาของวนอุทยาน แห่งนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยพืชพันธุ์ไม้และไม้ดอกรวมไปถึงสัตว์ป่าที่กำลังโน้มตัวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติของมันตามกิ่งไม้ในป่าพวก " BOGAK TREES " " TREE CRABS " นกอินทรีย์น้ำตาลอ่อน อีกัวน่า และ ลิงกัง เพลิดเพลินกับการชมทัศนียภาพและ ทิวทัศน์อันงดงามวิจิตร ของหินปูนที่ก่อตัวเป็นแถว โผล่พ้นขึ้นจากก้นบึงของป่าโกงกางและ น้ำทะเลความอัศจรรย์ทางธรณีวิทยาอันมีเสน่ห์เหล่านี้ จึงได้ถูกนำมาทำให้เป็นวัดพุทธอาราม หินช้าง และ สวนลอยต่างๆ การสำรวจ กัวเซริตา(ตำนานของถ้ำ) และ กัวเคลาวอร์ (ถ้ำค้างคาว) เป็นเรื่องเล่าเป็นนิทานลึกลับและโลกโผน มีสิ่งที่น่าจดจำอย่างแน่นอนเพื่อให้ท่านได้นำกลับไป เมื่อการเดินทางของท่านได้สิ้นสุดลง |
แกเลอเรียเปอร์ดานา
ตั้งอยู่ที่คิลิมห่างจากเมืองกัวห์ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นที่รวบรวมของขวัญ-ของกำนัล และ รางวัลต่างๆจำนวนมากกว่า 2,500 ชนิดที่มอบให้แก่นายกรัฐมนตรี ดาโต๊ะ ศรี ดร.มาฮาเธียร์ โมฮัมมัด และ ภริยา ศรี ดร.ซิตี ฮัสมาห์ บินดีโมฮัมมัด อาลี ซึ่งมีรวมทั้งเครื่องแก้วเจียระไนอย่างละเอียดประณีต ของขวัญทำด้วยไม้ หนังสัตว์ เงิน ทองแดงเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเซรามิค เครื่องแก้วและ ยังมีเครื่องดนตรี ศิลปะอิสลาม และ เครื่องสลักต่างๆผ้าและอาวุธ ณ ที่ด้านหนึ่งมีการแสดงรถยนต์ชนิดต่างๆ รวมทั้งรถ 4 WD อาคารแห่งนี้เป็นตึก 2 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนไม้ดอกที่ตกแต่งสวยงาม ห้ามถ่ายรูปในสถานที่แสดง จะซื้อภาพถ่ายได้ที่ร้านขายของที่ระลึก |
ลังกาวียอร์ชคลับ
ไม่ห่างจาก Kuah Jetty Point เท่าใดนัก ก็คือ ลังกาวี ยอร์ชคลับซึ่งเป็นสโมสรพิเศษเฉพาะ ประกอบด้วยคลับเฮ้าส์ที่สวยงามและท่าจอดเรือ 51 ท่าที่มีเครื่องอุปกรณ์พร้อมมูลที่สามารถรับเรือต่างๆได้รวมทั้งเรือที่แล่นด้วยใบและเรือลำตัวลึก ลังกาวี ยอร์ชคลับมีเครื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่น่าประทับใจยิ่งอาทิ เช่น สระว่ายน้ำริมฝั่ง แจ๊กคูซี่ และ ซาวน่า การตกปลาน้ำลึก การแล่นเรือ สะคูบ้าไดวิ่ง หรือ การดำน้ำ สกีน้ำและเรือเร็ว มีบริการให้เช่าเรือยอร์ชด้วย ลังกาวี ยอร์ชคลับมีเรือยอร์ชให้เช่าได้ เรือนี้เรียกชื่อว่า "พุตตรี ไมนูนะห์"เป็นชนิดใช้เครื่องยนต์มีความสวยหรูหรามาก ลังกาวียอร์ชคลับเป็นสถานที่เหมาะที่สุดสำหรับผู้ประสงค์จะรับประทานอาหารค่ำที่เลิศรส นั่งจิบเครื่องดึ่มเย็นชื่นใจท่ามกลางบรรยากาศสุดสงบแสนสบายทัศนียภาพที่สวยงามของบรรดาเกาะต่างๆของลังกาวี และ ยามพระอาทิตย์อัสดงคงจะดูได้จากภัตตาคารที่ชายหาดชื่อ "ชาลี' ส เพลส" หรือจาก ภัตตาคารชั้นดีของคลับ " แค็ปเท้น'ส สเต็ก" |
สุสานพระนางมัสสุหรี
เกาะลังกาวี ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แฝงนิยายโบราณ มีสถานที่ที่จัดไว้เป็นเขตสงวนเพื่อคนรุ่นต่อไป เช่น สุสานมะซูรี ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากตัวเมืองกัวห์ ประมาณ 12 กิโลเมตร สถานที่บูชาแห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่หญิงสาวคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเกาะลังกาวี เมื่อสองร้อยปีกว่าก่อนโน้น เธอถูกกล่าวหาว่านอกใจ เลยถูกประหารชีวิตด้วยกริซที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ตามตำนานกล่าวว่า โลหิตของเธอที่ไหลออกมาเป็นสีขาวและก่อนสิ้นชีพ เธอได้สาบแช่งเกาะนี้ว่าจะไม่เจริญนาน 7 ชั่วคน อย่างไรก็ตามระยะ 7 ชั่วคนก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ในวันนี้เกาะลังกาวีกำลังเจริญรุ่งเรืองจากการพัฒนาและผู้คนที่หลั่งไหลมาเยือนเกาะจำนวนมากที่ทวีขึ้นทุกวัน |
การลงเรือเที่ยวรอบเกาะ ท่านสามารถลงเรือเที่ยวเกาะอย่างสะดวกสบาย เป็นการพักผ่อนที่เพลิดเพลิน ไปกับทิวทัศน์บนบก และในขณะที่เรือของท่านแล่นฝ่าคลื่นทะเลระหว่างเกาะต่างๆ การท่องเที่ยวเยือนเกาะ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงรวมทั้งปูเลาบันติ้งปูเลาเบรัส บาสา และ ปูเลาสิงา เบซา ค่าเช่าเรือประมาณ 250-400 ริงกิต ต่อลำ (มีที่นั่งสำหรับ 8-12 คน )เรือหาเช่าได้ที่ หาดมาร์เบิล และ บันได เซอนัง หากท่านประสงค์จะเช่าเรือที่มีการบริการพิเศษ เช่น บาร์บิคิว หรือ ตกปลา ดำน้ำ หรือ ไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ก็สามารถจัดให้ได้ ท่านสามารถติดต่อได้ที่นี่ |
เกาะตาซิกดายังบันติ้ง
ท่ามกลางป่าเนินเขาเขียวชอุ่ม ทางทิศใต้ของเกาะลังกาวี นั้นคือ ตาซิกตายังบันติ้ง หรือ ทะเลสาบสาวมีครรภ์ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของเกาะลังกาวี ภาพเนินเขาทางด้านหนึ่งของทะเลสาบเป็นรูปคล้ายหญิงสาวมีครรภ์นอนหงายอยู่ แต่ชื่อของเกาะและทะเลสาบก็มาจากนิยายโบราณว่า นางฟ้าแสนสวยคนหนึ่ง ซึ่งแต่งงานกับเจ้าชายที่เป็นมนุษย์ แต่บุตรของนางฟ้าแสนสวยคนหนึ่ง ซึ่งแต่งงานกับเจ้าชายที่เป็นมนุษย์ แต่บุตรของนางได้เสียชีวิตไปหลังจากคลอดเพียงไม่นานนัก นางเสียใจมาก และ ได้ฝังศพเด็กไว้ในทะเลสาบที่มีน้ำใสสะอาด ก่อนจะกลับที่พำนักนางให้พรไว้ว่า สาวใดที่ยังไม่มีเด็ก หลังจากที่อาบน้ำในทะเลสาบ และ ดื่มน้ำในทะเลสาบ และขอพรจะได้บุตรสมตามความปราถานา |
อุทยานแห่งชาติทางทะเลปูเลาปายาร์มารินปาร์ค
อยู่ทางตอนเหนือของช่องแคบมะละกา 19 ไมล์ทะเลจากทางทิศใต้ของเกาะลังกาวี เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะปูเลาปายาร์ ปูเลา เลมบู ปูเลา เซอกันตัน และ ปูเลา กาดา ซึ่งเป็นบริเวณที่ห้อมล้อมด้วยแนวปะการัง มาริน ปาร์ค จึงอุดมสมบูรณ์ ด้วยสิ่งมีชีวิตใต้น้ำและพฤษชาติ ใต้น้ำที่ล้วนแต่สวยงามอย่างน่าพิศวง บรรดาปลาและสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่กำลังสูญพันธุ์นั้น ก็จัดให้อยู่ในเขตเฉพาะที่มีความยาว 2 กิโลเมตร กว้าง 1/4 กิโลเมตรปูเลาปายาร์ จึงเป็นเกาะยอดนิยม ที่เหมาะสำหรับการ สน็อกเกอลิ่ง ประดาน้ำ และ การว่ายน้ำ ซึ่งจุดประดาน้ำที่งดงามมากคือ โครอลการ์เด้น หรือ สวนปะการัง เป็นบริเวณที่ปกคลุมด้วยปะการังสีสดใสเกาะปูเลา ปายาร์ มีหาดทรายหลายแห่งที่เหมาะสำหรับปิดนิดและ เดินท่องสำรวจเกาะหรือ คุณที่ชอบความตื่นเต้นน่าระทึกใจก็ลองนั่งเรืออกไปให้อาหารแก่ลูกปลาฉลาม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด และ การให้อาหารปลาที่แสนเชื่องที่รอคุณป้อนอาหารให้กับมือของท่านเอง |
เกาะปีนัง Penang เกาะปีนังหรือไข่มุกตะวันออก (PearloftheOrient) ซึ่งเป็นอาณานิคมอันเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษใน ประเทศมาเลเซีย เกาะปีนังมีพื้นที่ 285 กิโลเมตร อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของแหลมมาลายูปีนังเป็นเมืองที่คนไทยคุ้นเคย รู้จักกันมากที่สุด ในบรรดาเมืองต่างๆของมาเลเซีย ปีนังเป็นเมืองที่มีบรรยากาศ ขนบธรรมเนียมที่เป็นจีนมากที่สุดกว่าทุกเมืองในมาเลเซีย ประวัติศาสตร์เมืองปีนังเริ่มต้นไม่แพ้กับเมืองมะละกา ซะเท่าไร เมื่ออังกฤษมาเปิดเมืองท่าขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรก ในปี ค.ศ. 1786 ปัจจุบันปีนังเป็นเมืองที่ทันสมัยเมืองหนึ่งของมาเลเซีย ที่ซึ่งมีบรรยากาศของวัฒนธรรม ตะวันตกกับตะวันออก ที่ผสมผสานกันได้อย่างมีเสน่ห์ กลมกลืน นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว สำหรับผู้ที่รักในการช็อปปิ้ง ปีนังถือว่าเป็นสวรรค์ของนักช็อปปิ้งไม่แพ้เมืองใดในโลกในเรื่องอาหารการกินปีนังก็มีอาหารอร่อยเช่นเดียวกัน เหนือสุดด้านตะวันออกของเกาะเป็นที่ตั้งของเกาะเป็นที่ตั้งของเมือง Georgetown ซึ่งเป็นที่ตั้งของส่วนราชการและศูนย์กลางธุรกิจของรัฐ ท่ามกลางความแออัดเบียดเสียดของสภาพการเมือง ท่านสามารถเห็นการผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ของตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าทึ่งที่ สุด ดังจะเห็นได้จากสถาปัตยกรรม ที่ประณีตสวยงามของอาคารเก่าหลายหลัง ที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของต่างชาติในอดีต เสน่ห์ความงามของชายหาดปีนังที่โด่งดัง และ ทะเลน้ำอุ่นที่นิ่งสงบ ปีนังในปัจจุบันจึงกลายเป็นสถานที่พักตากอากาศที่เป็นที่นิยมของผู้ที่คลั่งไคล้ทะเลและแสงแดดจากการที่มีประชากรที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติความมั่งคั่งทางวัฒนธรรและการมีเทศกาลต่างๆมากมาย ทำให้ปีนังเป็นที่สนใจและสามารถสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวให้เก็บปีนังไว้ในความทรงจำตลอดไป |
ป้อมปราการคอร์นเวลลิส
สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 17 แต่เดิมทำด้วยไม้ ภายหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นคอนกรีตในปี ค.ศ.1804 ใช้แรงงานนักโทษ ก่อสร้างที่ป้อมนี้มีโรงละครกลางแจ้ง ส่วนภายในป้อมเป็นศูนย์ศิลปหัตถกรรมของชาวพื้นเมือง มีโบราณวัตถุที่สำคัญคือ ปืนใหญ่ ที่ชื่อว่า สรีรัมไบ (Sri Rambai) เป็นโบราณสถานของชาวดัทช์มอบให้สุลต่านแห่งยะโฮร์ ผู้ปกครองเมืองปีนังในสมัยนั้น |
จอร์จทาวน์(Georgetown)
เป็นย่านเมืองเก่าที่มีลักษณะผสมของชาวยุโรปกับชาวตะวันออก ผสมผสานกันอย่างลงตัว สร้างถวายเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ เป็นชุมชนแห่งแรกของอังกฤษบนเกาะปีนัง ในอดีตเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ที่คึกคักด้วยพ่อค้าจากทั่วทุกมุมโลก |
พิพิธภัณฑ์ปีนังและArtGalleryย่านLebuhFarquhar
สร้างขึ้นในปี 1821 พิพิธภัณฑ์นี้จัดแสดงภาพถ่ายเก่าๆ แผนที่ และ วัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงกริชของมาเลย์ เฟอร์นิเจอร์แบบจีน ผ้าปัก และ ภาพวาดเมืองปีนังในสมัยก่อน Art Gallery บนชั้นที่ 1 เป็นที่จัดแสดงผลงานต่างๆด้านหน้าอาคารมีรูปปั้นของ Francis Light ตั้งเด่นงามสง่า |
มัสยิด Kapitan Kelling
เป็นมัสยิดที่ขนานตามชื่อของพ่อค้าชาวอินเดียมุสลิม Kapitan Keling (headman) Caudeer Mohudeen ซึ่งเป็นผู้สร้างมัสยิดดังกล่าว เมื่อต้นทศวรรษที่ 19 ตัวอาคารภายนอกทาสีเหลือง ลักษณะสถาปัตยกรรมของอาคารจะมีโดมยอดแหลมที่สะท้อนอิทธิพลของแขกมูริชอิสลาม การเข้าเยี่ยมชมภายในจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ประจำมัสยิดก่อน |
วัดเจ้าแม่กวนอิม (Goddes of Mercy Temple)
เป็นวัดจีนที่เก่าแก่วัดหนึ่งในปีนัง วัดนี้สร้างขึ้นในปี 1800 โดยชาวจีนรุ่นแรกๆที่เข้ามาตั้งรกรากในปีนังตัวอาคารประดับประดาด้วยมังกรที่วิจิตรพิศดาร ด้านหน้ามีสิงโตแกะสลักจากหิน ที่เล่ากันว่ามีไว้เพื่อปกปักษ์รักษาสถานที่นี้ ในแต่ละวันจะมีฝูงชนที่เลื่อมใสศรัทธาหลั่งใหลกันมาสักการะบูชาตลอดปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลฉลองประจำปีซึ่งได้แก่วันที่19เดือนสอง เดือน หก และ เดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติ |
วัด Sri Mariamman สร้างขึ้นในปี 1833 วัดนี้เป็นวัดฮินดู เหนือประตูทางเข้าด้านหน้า มีเทวรูปเทพเจ้าประดิษฐานอยู่ส่วนภายในประดิษฐานเทวรูปพระเจ้า Sri Mariamman ประดิษฐานอยู่ ที่ล้ำค่าซึ่งตกแต่งด้วยทองคำ เงิน เพชร และ มรกต ในเทศกาล Thaipusam ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปี จะมีการนำเทวรูปดังกล่าวแห่แหนไปรอบเมืองบนรถม้าเงิน เพื่อไปยังวัดบนถนน Waterfall |
KhooKongsi
บ้านของตระกูล Khoo Kongsi ถือว่าเป็นบ้านที่โอ่โถงและหรูหราที่สุดบนเกาะแห่งนี้ ต้นตระกูล Khoo อพยพมาจากประเทศจีนตอนใต้ และ ได้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นเพื่อเป็นบ้านประจำตระกูล Khoo เริ่มก่อสร้างราวปี 1898 ตัวอาคารมีความสง่างามวิจิตรพิศดาลมากและ ได้เกิดเหตุไฟไหม้ที่หลังคา เมื่อสร้างเสร็จใหม่ๆเชื่อกันว่าเป็นเพราะไปสร้างเลียนแบบพระตำหนักของพระจักรพรรดิจีนจึงได้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ภายในโถงอาคารตกแต่งด้วยลวดลายไม้แกะสลักฉลุลายที่งดงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคานไม้เป็นไม้เนื้อดี ประดับประดาตัวคานไว้อย่างวิจิตรพิสดาร สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศ ของฝีมืองานช่างจากเมืองจีนโดยแท้ |
หอนาฬิกาPesaraKingEdward
เป็นหอสูง 60 ฟุต ซึ่งได้รับบริจาคจาก เศรษฐีปีนังชื่อ Cheah Chen Eok ในปี 1897เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ครบรอบ 50 ปี พระราชินีวิดตอเรีย |
ศาลากลางจังหวัด
สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1880 อาคารสมัยอาณานิคม หลังนี้เป็นอย่างความสวยงามของ
สถาปัตยกรรมบริทิชพาราไดซ์ ที่มีลักษณะเด่นของเสาแบบกรีกโบราณที่สง่างาม และ หน้าต่างบานใหญ่ครั้งหนึ่งอาคารดังกล่าวได้เคยเป็นที่ทำการของรัฐบาลท้องถิ่นมาแล้ว |
โบสถ์ St.George
สร้างขึ้นจากแรงงานนักโทษในปี 1818 เป็นสถานที่ๆที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของปีนังเป็นโบสถ์นิกายแองกลิแคนของอังกฤษ ประตูทางเข้าของโบสถ์นี้ขนานนามตามชื่อนักบุญที่คุ้มครอง ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีลักษณะเป็นหลังคาครอบเพื่อเป็นที่ระลึกมอบให้แด่กัปตัน Francis Light |
KOMTAR
Tun Abdul Razak Complex หรือ KOMTAR เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของปีนัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยราชการ สำนักงานธุรกิจต่างๆ ตลอดจนห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และ ภัตตาคารKOMTAR เป็นอาคารสูง 65 ชั้น เป็นสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นเป็นสง่าของเมืองในคอมเพล็กซ์นี้ยังมีโรงภาพยนต์คอร์ทสคอช และ โดมรูปโลกที่ใช้เป็นหอประชุมอเนกประสงค์ และ ที่ชั้น 55 เป็นที่ชมทิวทัศน์ของเมืองปีนังในวันที่อากาศแจ่มใสจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงGunungJerai หรือยอดเขา Kedah บนแผ่นดินใหญ่ |
ไซน่าทาวน์(ChinaTown)
ย่านคนจีนในปีนังนี้ เป็นย่านชุมชนที่ค่อนข้างใหญ่มาก กินพื้นที่ยาวตลอด ตั้งแต่ย่าน
Weld Quay ถึงย่าน Lebuh Stewart, Lebuh Muntri,Lebuh Campbell ไปจนถึง Lebuh Kingย่านคนจีนในปีนังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ทำให้เราสามารถเห็นสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชนชาวจีน ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน ในอดีตตั้งแต่ในปี 1800 โดยท่านสามารถเห็นร่องรอยในอดีตของสภาพตึกรามบ้านช่องร้านค้าและวัดบนถนนเหล่านี้ |
วัดไทยชัยมังคลาราม
เป็นวัดของศาสนาพุทธในปีนังสร้างด้วยศิลปะแบบโบสถ์ไทย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ความยาวองค์พระ 32 เมตร ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพระนอนที่ยาวที่สุดในโลกอยู่ด้านขวาของถนนพม่าอีกฟากหนึ่งเป็นวัดของพม่า |
วัดDharamikarama
ซึ่งเป็นวัดพม่าอยู่ในซอย Lorong Burma ที่หน้าประตูทางเข้าวัดมีรูปปั้นช้างแกะ 1 คู่ เชื่อกันว่ามีเอาไว้สำหรับเฝ้าประตูวัดที่ลานเจดีย์จะมีต้นโพธิ์ และ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในเทศกาลช่วงเดือนเมษายนจะมีการจัดกิจกรรมมากมาย |
วัด เค็ก ล็อก ซี Kek Lok Sri
ตั้งอยู่บนยอด Ayer Hitam เป็นวัดพุทธศาสนาของจีนที่ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 20 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดจีนที่สวยที่สุดด้วยองค์เจดีย์ทองที่ประดับด้วยพระพุทธรูปแกะสลักหมื่นองค์ "Pagoda of 10,000 องค์ |
มะละกา Melaka
มะละกา นครประวัติศาสตร์ เริ่มต้นที่นี่ รัฐมะละกามีชื่อเสียงมากเนื่องจากเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ของมาเลเซียซึ่งเริ่มต้น ด้วยการจัดตั้งรัฐมะละกา ขึ้นในปี ค.ศ. 1396 โดยเจ้าชายพาราเมสวารา ที่หลี้ภัยมาจากสุมาตรา รัฐ เจริญรุ่ง เรืองเป็นท่าเรือที่ดึงดูด เรือพ่อค้าจำนวนมากจากดินแดนต่างๆเช่น จีน อินเดีย อาหรับ และ ยุโรป ใน ค.ศ. 1511 รัฐมะละกา ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกสและติดตามด้วยชาวดัชท์ในปีค.ศ.1641 หลังจากการสู้รบ อย่างดุเดือดกับอังกฤษในปี ค.ศ.1795ชาวดัชท์จำต้องยกอำนาจรัฐให้แก่อังกฤษ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกไปอยู่ภายใต้อำนาจของฝรั่งเศส เมื่อเนเธอร์แลนด์ถูกเข้าครอบครองในสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศส แต่ถูกคืนกลับให้ชาวดัชท์ในปี ค.ศ. 1818 ตามสนธิสัญญาเวียนนาแต่ภายหลังตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เนื่องจากถูกแลกกลับเบนโคลีน เกาะสุมาตรา ตั้งแต่ ค.ศ.1826 เป็นต้นมา รัฐมะละกาตกอยู่ภายใต้การปกครองของบริษัทอีสท์อินเดียของอังกฤษ ในสังกัดตามพร้อมด้วยสิงค์โปรและ รัฐปีนังโดยคณะบริหารอาณานิคมในช่องแคบหลังสงครามโลกครั้งที่สองนักรักชาติทั้งหลายได้เริ่มดำเนินการเพื่อเรียกร้องเอกราชกลับคืนมาในที่สุดก็มีการประกาศวันเอกราช โดยตุนกูฮับดุล รามัน อัล-ฮัจ นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย ณ สนามปะห์ลาวัน (สนามวีรบุรุษ) บันดาร์ อีลีร์ มะละกาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1956มะละกามั่งคั่งด้วยประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยปูชณียสถานและและวัสดุมากมายซึ่ง จะนำท่านย้อนกลับไปสู่สมัย600ปีก่อนโน้นอันเป็นยุคที่เจริญรุ่งและน่าตื่นเต้นมากที่สุด |
สแตดฮุย
สร้างในปีค.ศ.1650 เป็นที่พักราชการของผู้ว่าราชการดัทช์และผู้ช่วย ตึกแห่งนี้เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมดัทช์ที่ได้รับการดูแลรักษาให้คงอยู่ในโครงร่างเดิม เวลานี้เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ชนชาติวิทยา สิ่งที่นำออกแสดงประจำวันคือเครื่องแต่งกายเจ้าสาว โบราณและสิ่งตกทอดจากอดีตอันรุ่งโรจน์ ของมะละกาปิดทำการวันจันทร์ |
โบสถ์คริสต์
ยืนตระหง่าน ณ.ที่แห่งนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1753 โบสถ์นี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ ถือเป็นพยานของสถาปัตยกรรมชาวดัทช์ ในโบสถ์จะเห็นได้ฝีมือสร้างเก้าอี้นั่งฟังเทศน์ ไม้รอดเพดานโบสถ์ที่สร้างโดยไม่มีรอยต่อพระคัมภีร์ไบเบิล ทองเหลือง ศิลาลึกในภาษาอาร์มีเนียและ"ลาส์ตซับเปอร์"ด้วยกระเบื้องเคลือบ |
พิพิธภัณฑ์เยาวชนมาเลเซีย
พิพิธภัณฑ์นี้แสดงถึงงานอุทิศของเยาวชน เพื่อความอยู่ดีกินดี ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศผลงานอันดีเกียรติที่เห็นได้ทั้งระดับส่วนภูมิภาคระดับชาติและนานาชาติมีแสดไว้ที่พิพิธภัณฑ์ |
โบสถ์เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์
สร้างในปี ค.ศ. 1849 โดยบาทหลวงฟาร์ฟ แห่งคณะฑูตฝรั่งเศส โบสถ์แบบกอธิกนี้ สร้างขึ้นเพื่อ อุทิศแด่นักบุญฟรานซิสเซเวียร์ ที่รู้จักกันในชื่อว่า อพอสเติล แห่งตะวันออกและในผลงานการแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในศตวรรษที่16 |
โบสถ์เซนต์พอล
สร้างขึ้นโดยกัปตันคอดร์แด้ โคเอลโฮ ชาวโปรตุเกส แต่ภายหลังถูกชาวดัทช์เปลี่ยนไปเป็นสถานฝังศพของผู้มีเกียรติและผู้กล้าหาญและเปลี่ยนชื่อจาก " เอาเวอร์ เลดี้ ออฟ เดอฮิลล์ " มาเป็น " เซนต์พอล เซิรส์ " เซนต์ฟรานซิส เซเวียร์ ได้ถูกวางเป็นที่บูชาบนสุสานเปิดเป็นที่บูชาบนสุสานเปิดเป็นระยะสั้นๆในปีค.ศ.1553ก่อนถูกส่งไปยังเมืองกัวประเทศอินเดีย |
ป้อมเอฟาโมซา
ตราเครื่องหมายของมะละกา และอาจกล่าวได้ว่า ได้ถูกถ่ายรูปมากที่สุดจากตึกแสตดฮุย สร้างขึ้นเป็นป้อมปราการโดยชาวโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1511 สามารถต้านทานความเสียหายจากการบุกรุกของชาวดัทช์ ซึ่งตั้งใจจะทำลายไปแต่ถูกขัดขวางโดยเซอร์สแตมฟอร์ดแร็ฟเพิลส์ในปีค.ศ.1808จึงสามารถรักษาป้อมในสภาพที่เห็นในเวลานี้ไว้ได้ |
สุสานชาวดัทช์
สุสานแห่งนี้เปิดใช้ปลายศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันมรสุสานชาวดัทช์ 5 คน และ ชาวอังกฤษ 33 คน ตั้งอยู่ภายในเขตนี้ สุสานแห่งนี้เคยเปิดใช้มาสองสมัยระหว่างปี ค.ศ. 1670-1682 และต่อมาระหว่าง ค.ศ.1818-1838 สุสานที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือ ที่มีเสาหินสูงซึ่งเป็นเขตที่นายทหารสองคนถูกฆ่าตายในสมัยสงครามนานนิ้ง |
ย่านไซน่าทาวน์ หรือ บริเวณ ถนน Jalan Tun Tan Cheng Lock
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวจีน ในสมัยโบราณ ซึ่งคงรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นคนจีน และ บ้านเรือนบริเวณ นี้แทบไม่มีการสร้างใหม่หรือ เพิ่มเติมแต่ประการใด ท่านสามารถเลือกซื้อหาสินค้าพื้นเมือง โบราณวัตถุและ ชิมอาหารจีน แสนอร่อย และ ราคาประหยัดได้บริเวณนี้ |
|