ตุ๊กตุ๊กหัวกบตรัง ท่องตรังนั่งรถตุ๊กตุ๊กกบ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอเมือง ตรัง โดยใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ซึ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะของจังหวัด โดยมีเส้นทางบริการ 3 เส้นทาง
ท่องตรังนั่งรถตุ๊กตุ๊กกบ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอเมือง ตรัง โดยใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ซึ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะของจังหวัด โดยมีเส้นทางบริการ 3 เส้นทาง คือ
เส้นทางที่ 1 แวะแหล่งท่องเที่ยว 17 จุด ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง อัตราเหมาบริการตลอดเส้นทาง ราคา 600 บาท ได้แก่
1. แม่น้ำตรังที่บ้านท่าจีน
2. วัดท่าจีน
3. ศาลเจ้ากิวอ่องเอี่ย
4. วัดตันตยาภิรม พระอารามหลวง
5. สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95
6. โบสถ์คริสตจักร
7. อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง)
8. สระกะพังสุรินทร์
9. ตึกชิโนโปรตุกีส
10. สถานีรถไฟ
11. โรงยางพารา
12. ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย
13. หอนาฬิกา / ลานวัฒนธรรม / ศูนย์กลางจำหน่าย OTOP จังหวัดตรัง / ศาลากลางจังหวัดตรัง
14. บ้านนายชวน หลีกภัย
15. หอสมุด และ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตรัง
16. วัดมัชฌิมภูมิ (วัดหน้าเขา)
17. ศาลเจ้าเปากง
เส้นทางที่ 2 แวะแหล่งท่องเที่ยว 9 จุด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง อัตราเหมาบริการ ราคา 400 บาท ได้แก่
1. โบสถ์คริสต์จักร
2. ตึกชิโนโปรตุกีส
3. สถานีรถไฟ
4. หอนาฬิกา / ลานวัฒนธรรม / ศูนย์กลางจำหน่าย OTOP จังหวัดตรัง / ศาลากลางจังหวัดตรัง
5. บ้านนายชวน หลีกภัย
6. อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง)
7. ศาลเจ้าทามกงเยี้ย
8. วัดมัชฌิมภูมิ (วัดหน้าเขา)
9. สวนสาธารณสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95
เส้นทางที่ 3 แวะแหล่งท่องเที่ยว 5 จุด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อัตราเหมาบริการ ราคา 200 บาท ได้แก่
1. โบสถ์คริสตจักร
2. ตึกชิโนโปรตุกีส
3. สถานีรถไฟตรัง
4. หอนาฬิกา / ลานวัฒนธรรม / ศูนย์กลางจำหน่าย OTOP จังหวัดตรัง / ศาลากลางจังหวัดตรัง
5. บ้านนายชวน หลีกภัย
ติดต่อสอบถามที่
• งานส่งเสริมการท่องเที่ยวเทศบาลนครตรัง อาคารเอนกประสงค์เทศบาลนครตรัง (ในเวลาราชการ) โทร (075) 218-071 ต่อ 1164
• ชมรมรถสามล้อเครื่องจังหวัดตรัง คุณยี่เค้ง วงศ์สัมพันธ์ โทร (075) 210-903, (081) 090-952
• สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง โทร (075) 215-580
• ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง โทร. (075) 215-867
ท่องตรังนั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบกันแล้ว....เราก็มาทำความรู้จักประวัติของรถตุ๊กตุ๊ก กันหน่อยดีกว่า
เมื่อเอ่ยถึง "รถตุ๊กตุ๊ก" ในความรู้สึกของคนทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็มักจะนึกถึง "รถตุ๊กตุ๊ก" ในกรุงเทพฯ แต่สำหรับที่เมือง ตรังจะเรียกกันว่า"รถสามล้อ" หรือเรียกกันตามรูปร่าง ของมันว่า "รถหัวกบ" โดยในส่วนหน้าคนขับ กับผู้โดยสาร จะนั่งคู่กันได้แค่เพียง 2 คน และรถชนิดนี้ จะใช้พวงมาลัย เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป ทำให้แตกต่างจาก "รถตุ๊กตุ๊ก" ของกรุงเทพฯ หรือที่อื่นๆ จนขณะนี้เหลือเพียงแห่งเดียว ในประเทศไทย "รถสามล้อ" เมืองตรังนั้น ได้รับอิทธิพล มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเป็นสินค้าที่ นำเข้ามา จากบริษัทไดฮัทสุ จำกัด
อย่างไรก็ตาม "รถสามล้อ" ที่เราได้เห็นรูปร่างตามแบบในปัจจุบันนี้ ได้ผ่านการพัฒนากันมาเป็นจำนวน 3 ช่วงด้วยกัน โดยเฉพาะการปรับเครื่องยนต์ จากเดิมสูบเดียวมาเป็นเครื่องยนต์ 2 สูบ เพราะวิ่งได้เร็วกว่า เสียงเบา ไม่มีควัน แต่เปลือง น้ำมัน ทำให้สามารถเพิ่มรอบในการรับผู้โดยสารได้มากขึ้น หากจะนับจำนวน "รถสามล้อ" เมืองตรังที่ขับกันทั่วเมือง จากข้อมูลของสำนักงานขนส่งจังหวัดพบว่ามีอยู่ประมาณ 664 คัน แต่ปัจจุบันที่ยังเห็นๆ กันอยู่ก็เหลือประมาณ 500 คัน ทั้งนี้ ป้ายข้างจะมีลักษณะแปลกคือเป็นตัวอักษร 1 ตัว และตัวเลข 3 ตัว อยู่ทางด้านซ้ายของรถ เป็นตัวเลขที่ทำขึ้นนอกเหนือจาก ป้ายทะ เบียนรถ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถที่จะจำรถคันนั้นได้ง่ายขึ้น และเพื่อเป็นการป้องกัน ความปลอดภัย หากเกิดเหตุร้าย ขึ้นมา ปัญหาที่ทำให้ "รถสามล้อ" ค่อยๆ เหลือน้อยลง นอกจากจะมีปัญหาเรื่องของความนิยมที่ ลดน้อยถอยลง เพราะรถ จักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาแทนที่แล้ว ยังประสบปัญหาในการซ่อมแซมเพราะอะไหล่หายากและมีราคาแพง นอกจากนั้น ก็ยังจะมีความยุ่งยากในการขึ้นทะเบียนรถเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าของรถถอดใส้ ในท่อพักออกเพื่อ ให้รถวิ่งดีแต่มีปัญหา เสียงดังมาก ขณะเดียวกันการที่น้ำมันมีราคาแพงก็ทำให้ต้นทุนสูงมากขึ้น ที่สำคัญก็คือรถรุ่นนี้ ไม่มีการผลิตอีกแล้ว คันใดพังไปก็เท่ากับจบสิ้นไปเลย
นายอานนท์ กรณีย์ อายุ 43 ปี เล่าว่า เมื่อ 10 ปีก่อนนั้นมีรายได้จากอาชีพนี้ประมาณวันละ 200–300 บาท แต่ปัจจุบันยอมรับว่าทั้งค่าน้ำมันที่เพิ่มประกอบกับจำนวนผู้โดยสารที่ลด น้อยลง เนื่องจากขณะนี้มี รถจักรยานยนต์ รับจ้าง มากขึ้น ถึง 1,000 กว่าคัน ทำให้รายได้ลดลงอย่างมากจนบางวันเหลือเพียงแค่ 70–80 บาทเท่านั้น และเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วแทบจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ตนก็ยังคงทำต่อไปเพราะรักในอาชีพนี้ ส่วนนายธาดา รักษศรี อายุ 51 ปี เล่าว่า ยึดอาชีพขับ "รถสามล้อ" รับจ้างมากว่า 30 ปีแล้ว และเห็นว่าผู้ประกอบอาชีพนี้เริ่มจะลดน้อยถอยลงทุกวัน เนื่องจากมีรายได้ ที่ไม่เพียงพอ จุนเจือครอบครัว แต่ตนก็เป็นผู้หนึ่งที่ยังต้องการอนุรักษ์รถชนิดนี้ให้เหลืออยู่ เข้าใจว่าประชาชนในจังหวัดตรัง เริ่มมีรถส่วนตัว กันมากขึ้น รวมทั้งรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีจำนวนมาก จึงอยากให้ประชาชนสนใจมาใช้บริการเหมือนเมื่อครั้งในอดีต ซึ่งก็จะทำให้เมืองตรังมี "รถสามล้อ" เป็นสัญลักษณ์ และยังทำให้มีจุดเด่นในการท่องเที่ยวด้วย นางสาวสุขฤดี ตะเส็น อายุ 36 ปี ผู้โดยสารรายหนึ่ง กล่าวว่า ใช้บริการ "รถสามล้อ" มาเป็นระยะเวลา 10 ปีแล้ว มีความปลอดภัยสูง อีกทั้งเมื่อฝนตก แดดออก ก็ยังปลอดภัยกว่ารถโดยสารชนิดอื่น ส่วนค่าบริการแม้จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ราคา 5 บาท ราคา 10 บาท มาจนถึง ขณะนี้ ราคา 15 บาท แต่เข้าใจว่าค่าน้ำมันราคาแพงขึ้นและราคานี้ก็มิได้ถือว่าสูงจนเกินไป และยังคงยังยืนยันที่จะใช้บริการ "รถสามล้อ" อีกต่อไป แม้ "รถสามล้อ" เมืองตรังในยุคปัจจุบันจะมีความนิยมน้อยลง เนื่องจากผู้คนหันไปนิยมของใหม่อย่าง รถรับจ้างประเภทอื่นๆ ซึ่งอาจจะสืบเนื่องมาจากความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการต้องการความคล่องตัว ในการทำงาน ท่ามกลางภาวะที่แข่งขันกัน แต่ชาวตรังหลายคนก็ยังเชื่อว่า"รถสามล้อ"ยังคงไม่สูญหาย และมีผู้สืบสาน เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองตรังอีกต่อไป
|
แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดตรัง |
|
|